หลักการสำคัญและองค์ประกอบที่ควรรู้
เพราะแผนกผู้ป่วยนอกคือประตูหน้าแห่งการบริการสุขภาพ การออกแบบจึงต้องตอบโจทย์ความคล่องตัว ความปลอดภัย และประสบการณ์ของผู้รับบริการ
แผนกผู้ป่วยนอก (Outpatient Department: OPD) เป็นพื้นที่ที่รองรับผู้ป่วยมากที่สุดในโรงพยาบาล โดยไม่ต้องนอนพักรักษา การออกแบบที่ดีจึงต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพของระบบไหลเวียน ความยืดหยุ่นในการให้บริการ และความสะดวกสบายของผู้ป่วยและครอบครัว
1. การแบ่งโซนและการไหลเวียนของผู้ป่วย (Zoning and Patient Flow)
- ทางเข้าและจุดลงทะเบียน: ควรอยู่ชั้นล่าง พร้อมจุดจอดสำหรับรถพยาบาล รถส่วนตัว และขนส่งสาธารณะ โดยมีจุดลงทะเบียนที่ชัดเจน รองรับทั้งการให้บริการด้วยเจ้าหน้าที่และระบบอัตโนมัติ
- พื้นที่รอ: ออกแบบให้กว้างขวาง รองรับครอบครัว เด็ก ผู้ใช้รถเข็น มีพื้นที่สำหรับรถเข็นเด็กและมุมเด็กเล่น
- ห้องตรวจและห้องตรวจร่างกาย:
- แบบรวม (Combined Room): ห้องเดียวที่มีทั้งโซนซักประวัติและตรวจร่างกาย แยกด้วยม่านกั้น เพื่อความยืดหยุ่น
- แบบแยก (Separate Room): ห้องแยกกันสำหรับการตรวจและการซักประวัติ เหมาะกับการใช้งานเฉพาะทาง
- ห้องเฉพาะทาง (Specialist Room): สำหรับแผนกเฉพาะเช่น หู คอ จมูก หรือจักษุ พร้อมอุปกรณ์เฉพาะ
(International Health Facility Guidelines, n.d.)
2. พื้นที่สนับสนุน (Support and Ancillary Areas)
- ห้องทำหัตถการ (Procedure Room): สำหรับการรักษาเบื้องต้นหรือการหัตถการที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
- พื้นที่วัดสัญญาณชีพและพักฟื้น: มีเจ้าหน้าที่ประจำและจุดล้างมือ
- พื้นที่เก็บของสะอาด/สกปรก และห้องสำหรับเจ้าหน้าที่: ควรอยู่ใกล้จุดให้บริการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
(International Health Facility Guidelines, n.d.)
3. การออกแบบโดยยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง (Patient-Centered Design)
- การนำทาง (Wayfinding): ป้ายชัดเจน ผังทางเดินเข้าใจง่าย ลดความสับสนและระยะเดินของผู้ป่วย
- ความสะดวกในการเข้าถึง: ทางเดินและประตูกว้าง ห้องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับทุกกลุ่ม
- ความเป็นส่วนตัวและความสบาย: ใช้วัสดุซับเสียง ม่านกั้น และออกแบบพื้นที่ให้เหมาะกับวัฒนธรรม
(HFMM, 2022; NTNU, 2019)
4. การควบคุมการติดเชื้อ (Infection Control)
- พื้นผิว: ใช้วัสดุเรียบ ไม่ดูดซึม ทำความสะอาดง่าย
- จุดล้างมือ: มีอ่างล้างมือและจุดจ่ายเจลแอลกอฮอล์ในทุกพื้นที่ที่มีการดูแลผู้ป่วย
- แยกทางเดินของวัสดุสะอาดและสกปรก: เพื่อไม่ให้มีการปนเปื้อนข้าม
(Foundation for Health Care Quality, 2022)
5. ความยืดหยุ่นและการรองรับอนาคต (Flexibility and Future-Proofing)
- ห้องตรวจควรมีขนาดมาตรฐานที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ในอนาคต เช่น การขยายบริการเฉพาะทาง
- พื้นที่สนับสนุนสามารถใช้ร่วมกันระหว่างแผนกต่าง ๆ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการลงทุน
(HFMM, 2022)
สรุปตารางองค์ประกอบการออกแบบ OPD
องค์ประกอบ | รายละเอียดหลัก |
---|---|
ทางเข้าและจุดลงทะเบียน | อยู่ชั้นล่าง เห็นชัด นำทางง่าย |
พื้นที่รอ | เป็นมิตรกับทุกกลุ่ม อยู่ใกล้ห้องตรวจ |
ห้องตรวจ | แบบรวม/แยก/เฉพาะทาง มีฉากกั้นความเป็นส่วนตัว |
ห้องทำหัตถการ | อยู่ใกล้ห้องตรวจ เพิ่มความสะดวกในการดูแล |
พื้นที่สนับสนุน | ห้องเก็บของ สถานีเจ้าหน้าที่ พื้นที่พักฟื้น |
ระบบไหลเวียนของผู้ป่วย | เส้นทางสั้น เข้าใจง่าย ลดระยะเดิน |
การควบคุมการติดเชื้อ | วัสดุเรียบ จุดล้างมือ แยกสะอาด/สกปรก |
ความยืดหยุ่นในการใช้งาน | ห้องตรวจปรับเปลี่ยนได้ พื้นที่ใช้ร่วมกัน |
สรุป
แผนกผู้ป่วยนอกที่ออกแบบมาอย่างดี คือจุดเริ่มต้นของระบบบริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านความสะดวกของผู้รับบริการ ความปลอดภัยในการป้องกันการติดเชื้อ และความคล่องตัวของบุคลากรในการให้บริการ
รายการอ้างอิง
Foundation for Health Care Quality. (2022). Outpatient infection control [PDF]. Retrieved from https://www.qualityhealth.org/bree/wp-content/uploads/sites/8/2022/07/Bree-Outpatient-Infection-Control-Draft_22-0630.pdf
HFMM. (2022). Planning outpatient health care facilities. Retrieved from https://www.hfmmagazine.com/articles/4511-planning-outpatient-health-care-facilities
International Health Facility Guidelines. (n.d.). Outpatients unit [PDF]. Retrieved from https://www.healthfacilityguidelines.com/ViewPDF/ViewIndexPDF/iHFG_part_b_outpatients_unit
NTNU. (2019). Framework for layout design supporting patient flow in outpatient departments [PDF]. Retrieved from https://ntnuopen.ntnu.no/ntnu-xmlui/bitstream/handle/11250/2568872/20000_FULLTEXT.pdf?sequence=1&isAllowed=y
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น