แนวคิดหลักและองค์ประกอบสำคัญ
เพราะ “เวลา” คือชีวิต การออกแบบห้องฉุกเฉินจึงต้องตอบโจทย์ความรวดเร็ว ปลอดภัย และพร้อมรับมือทุกสถานการณ์
แผนกฉุกเฉิน (Emergency Department: ER) เป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญที่สุดของโรงพยาบาล เพราะต้องรองรับผู้ป่วยหลากหลายประเภทในภาวะเร่งด่วน การออกแบบจึงต้องพิจารณาทั้งประสิทธิภาพของระบบการไหลเวียน ความปลอดภัย การควบคุมการติดเชื้อ และความยืดหยุ่นในสถานการณ์ฉุกเฉิน
1. การแบ่งโซนและพื้นที่ใช้งาน (Zoning and Functional Areas)
- ทางเข้าและพื้นที่คัดกรอง (Entrance, Reception, Triage): ควรแยกทางเข้าให้ชัดเจนระหว่างรถพยาบาลและประชาชน โดยทางเข้าสาธารณะต้องพาผู้ป่วยเข้าสู่จุดคัดกรอง (Triage) ทันที
- พื้นที่ช่วยชีวิตและรักษาเฉียบพลัน (Resuscitation and Acute Treatment): อยู่ใกล้จุดคัดกรอง มีความสามารถในการสังเกตเห็นได้ชัดจากสถานีพยาบาล และควรมีระยะห่างระหว่างเตียงไม่น้อยกว่า 2.4 เมตร ความยาวพื้นที่เตียงอย่างน้อย 3 เมตร
- ห้องตรวจและพื้นที่สนับสนุน (Consultation and Support Areas): รวมถึงห้องตรวจ ห้องเตรียมยา ห้องเก็บอุปกรณ์ สถานีทำงานเจ้าหน้าที่ ฯลฯ ซึ่งควรอยู่ใจกลางเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
- พื้นที่แยกโรค (Isolation Area): แยกจากพื้นที่หลักของ ER ด้วยประตูสองชั้น (Double Door) และควรมีแรงดันลบ (Negative Pressure) เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อ
(International Health Facility Guidelines, n.d.; IICSE, n.d.; ACEP, 2022)
2. การไหลเวียนของผู้ป่วยและความปลอดภัย (Patient Flow and Safety)
- การออกแบบต้องสนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแบบ ทางเดียว (Unidirectional Flow) ตั้งแต่เข้ามาถึงจนออก ไม่ให้เกิดการย้อนกลับ หรือการไขว้เส้นทางระหว่างผู้ป่วยประเภทต่าง ๆ
- บุคลากรควรสามารถเฝ้าระวังผู้ป่วยได้ตลอดเวลา ทั้งทางตรงและผ่านระบบกล้องวงจรปิด (CCTV)
- มีทางออกอย่างน้อย 2 ทางต่อหนึ่งพื้นที่ โดยประตูควรเปิดออกด้านนอก ล็อกได้จากภายนอกแต่ไม่สามารถล็อกจากภายใน
(IICSE, n.d.; ACEP, 2022)
3. การควบคุมการติดเชื้อ (Infection Control)
- วัสดุพื้น ผนัง และเฟอร์นิเจอร์ควรเป็นผิวเรียบ ไม่ดูดซึม ทำความสะอาดง่าย ไม่มีขอบมุมคม หรือเปราะแตกง่าย
- พื้นที่แยกโรคควรใช้แรงดันอากาศลบ และมีระบบระบายอากาศเฉพาะ
(International Health Facility Guidelines, n.d.)
4. แสงและสภาพแวดล้อม (Lighting and Environment)
- หากเป็นไปได้ ควรมีแสงธรรมชาติเข้าถึงบริเวณห้องตรวจหรือพื้นที่พัก เพื่อช่วยลดความเครียดและความสับสน
- พื้นที่รักษาควรมีไฟตรวจโรคเฉพาะทางที่สว่างมากอย่างน้อย 30,000 ลักซ์ (Lux)
(IICSE, n.d.)
5. ความยืดหยุ่นและการออกแบบมาตรฐาน (Flexibility and Standardization)
- พื้นที่รักษาควรออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ รองรับผู้ป่วยจำนวนมากในสถานการณ์วิกฤติ
- การจัดวางตำแหน่งของอุปกรณ์, ประตู, จุดควบคุม ควรมีรูปแบบที่มาตรฐานเหมือนกันทั้งแผนก เพื่อลดความผิดพลาด
(IAEM, 2024)
6. ความปลอดภัยของบุคลากรและระบบรักษาความปลอดภัย (Security and Staff Safety)
- ติดตั้งปุ่มขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน (Duress Alarm) ที่เข้าถึงได้ง่าย ทั้งแบบติดผนังและแบบพกพา
- หลีกเลี่ยงการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ ใช้กระจกกันกระแทกและอุปกรณ์ที่ยากต่อการงัดแงะ
- มีสถานีทำงานขนาดเล็กหลายจุด ลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์รุนแรง
(ACEP, 2022)
7. การนำทางและความสามารถในการเข้าถึง (Wayfinding and Accessibility)
- ป้ายบอกทางควรสว่าง มองเห็นชัด และสอดคล้องกับเส้นทางการเคลื่อนย้ายของผู้ป่วยและรถพยาบาล
- ประตูและทางเดินควรกว้างเพียงพอรองรับเตียงและรถเข็น
(International Health Facility Guidelines, n.d.)
สรุปตารางองค์ประกอบสำคัญ
องค์ประกอบ | รายละเอียดหลัก |
---|---|
ทางเข้า | แยกผู้ป่วยทั่วไปกับรถพยาบาล มุ่งตรงสู่จุดคัดกรองทันที |
พื้นที่รักษา | กลางแผนก มองเห็นได้ง่าย, เตียงห่าง ≥ 2.4 เมตร |
พื้นที่แยกโรค | ประตูสองชั้น, ใช้แรงดันลบ |
ความปลอดภัยบุคลากร | ทางออกหลายทาง, ปุ่มฉุกเฉิน, เฟอร์นิเจอร์ปลอดภัย |
การควบคุมการติดเชื้อ | วัสดุเช็ดล้างง่าย, ระบบระบายอากาศเฉพาะ |
แสง | แสงธรรมชาติ (ถ้าเป็นไปได้), ไฟตรวจโรค ≥ 30,000 ลักซ์ |
การนำทางและการเข้าถึง | ป้ายชัด, ทางเดินและประตูกว้างพอ |
สรุป
การออกแบบแผนกฉุกเฉิน (ER) ที่ดี ต้องมองไกลกว่าความสวยงาม คือการเชื่อมโยง “ระบบ” กับ “ความเร่งด่วน” อย่างเป็นองค์รวม
ทั้งผู้ป่วย บุคลากร และอุปกรณ์ต้องสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกสถานการณ์
รายการอ้างอิง (References – APA Style)
ACEP. (2022). Design considerations for a safer emergency department [PDF]. Retrieved from https://www.acep.org/siteassets/sites/acep/media/safety-in-the-ed/designconsiderationsforsaferemergencydepartment.pdf
Clinical Tree. (n.d.). Emergency department layout. Retrieved from https://clinicalpub.com/emergency-department-layout/
International Health Facility Guidelines. (n.d.). Emergency unit [PDF]. Retrieved from https://www.healthfacilityguidelines.com/ViewPDF/ViewIndexPDF/iHFG_part_b_emergency_unit
IICSE. (n.d.). Guidelines on emergency department design [PDF]. Retrieved from https://www.iicseonline.org/emergency_and_growth_of_psychology_1.pdf
IAEM. (2024). Standards for emergency department design and specification for Ireland [PDF]. Retrieved from https://iaem.ie/wp-content/uploads/2024/10/IAEM-ED-Infrastructure-Standards-Guidelines-2024-V1.2.pdf
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น